เมืองในเยอรมันที่น่าอยู่และน่าทำงานมากที่สุด

สถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจเยอรมัน (เอกชน) ได้จัดทำอันดับเมืองต่างๆ ไว้ เมืองไหนที่มีตำแหน่งงานมาก มีอาชญากรรมน้อย และมีสิ่งแวดล้อมที่ดีในการอยู่อาศัย การจัดอันดับจัดทำโดยดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน และพัฒนาการของ 69 เมืองในเยอรมัน

เมืองที่ดูจะโดดเด่นกว่าเมืองอื่นๆ คือ เมืองมึนเช็น (München) หรือมิวนิค เมืองนี้ได้คะแนนสูงสุดในด้านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็อาจจะเป็นเหตุผลว่า ทำไมราคาสินค้าและค่าครองชีพในเมืองมึนเช็นถึงสูงอย่างเห็นได้ชัด

การจัดอันดับจัดทำโดยสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจเยอรมัน (เอกชน) ที่เมืองเคิล์น โดยได้รับการว่าจ้างจาก สำนักข่าว „Wirtschaftswoche“ และเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์Immobilienscout24 ซึ่งผู้ทำวิจัยได้วิเคราะห์โครงสร้างทางเศรษฐกิจ ตลาดงาน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ และศักยภาพการเติบโตในอนาคต ของ 69 เมืองที่มีประชากรมากกว่าหนึ่งแสนคน

10 อันดับเมืองที่มีคุณภาพ เศรษฐกิจแข็งแกร่ง และศักยภาพในอนาคต ได้แก่
1. Münchenbest-city-germany-2016
2. Erlangen
3. Ingolstadt
4. Frankfurt am Main
5. Stuttgart
6. Regensburg
7.Wolfsburg
8. Darmstadt
9. Ulm
10. Hamburg

เห็นได้ชัดว่า เมืองในภาคใต้ติดอันดับมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ ในเยอรมัน อีกทั้ง 5 เมืองที่ติดอันดับก็เป็นเมืองผลิตรถยนต์ที่แข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และบางเมืองก็มีมหาลัยชื่อดังอยู่ด้วย

ทั้งนี้ เมืองที่ดูมีศักยภาพในอนาคตที่สุด ได้แก่เมืองดาร์มชตัดท์ (Darmstadt) เมืองนี้มีบริษัทที่บริหารงานทั่วโลกและเป็นบริษัทที่มีนวัตกรรม ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยวัดผลจากปัจจัยด้านนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการเข้าสู่สังคมยุคดิจิทัล รวมถึงการจัดหาและให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จำนวนการยื่นขอจดสิทธิบัตร และจำนวนสถาบันวิจัยต่างๆ
Quelle&Foto: Welt.de

2016-09-30

เยอรมันแนะให้ตุนอาหารและน้ำรับมือเหตุฉุกเฉิน

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รัฐบาลเยอรมันประกาศให้ประชาชนเตรียมเสบียงอาหารและน้ำดื่มไว้ยามจำเป็น เพื่อพร้อมรับมือหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ หรือการก่อการร้าย ที่รัฐอาจเข้ามาช่วยเหลือประชาชนไม่ทันท่วงที

โดยแนะให้ประชาชนเตรียมอาหารเผื่อไว้สำหรับ 10 วัน และน้ำดื่มสำหรับ 5 วัน วันละ 2 ลิตรต่อคน นอกจากนี้ ยังแนะนำให้เตรียมยารักษาโรค ผ้าห่ม เทียน แบตสำรอง เงินสดสำรอง วิทยุใส่ถ่านที่สามารถติดตามข่าวสารจากทางการได้กรณีไม่มีไฟฟ้า เผื่อติดบ้านไว้ นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีหลังจากที่เคยประกาศใช้นโยบายดังกล่าวครั้งล่าสุดเมื่อช่วงหลังสงครามเย็น ค.ศ. 1989

ปริมาณอาหารและน้ำที่แนะนำให้ตุนเสบียงต่อคน:

น้ำ 28 ลิตร

แป้ง/เส้น 5 กก.

ผักกระป๋อง 5,6 กก.

ผลิตภัณฑ์นม 4 กก.

เนื้อ 2 กก.

หรือคำนวณปริมาณการตุนอาหารและน้ำดื่มต่อคน ต่อวัน ได้ที่นี่: http://www.ernaehrungsvorsorge.de/private-vorsorge/notvorrat/vorratskalkulator/#x2665;_blank

คำแนะนำเพื่อเตรียมรับมือ และการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน (PDF): http://www.bbk.bund.de/SharedDocs/Downloads/BBK/DE/Publikationen/Broschueren_Flyer/Buergerinformationen_A4/Ratgeber_Brosch.pdf?__blob=publicationFile

Checklist เพื่อเตรียมรับมือเหตุฉุกเฉิน (PDF): http://www.bbk.bund.de/SharedDocs/Downloads/BBK/DE/Publikationen/Broschueren_Flyer/Buergerinformationen_A4/Checkliste_Ratgeber.pdf?__blob=publicationFile

ในขณะที่บางส่วนเห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว และเตรียมซื้อของตุนไว้ ก็มีทั้งประชาชนและสื่อหลายฝ่ายที่ไม่พอใจ และไม่เห็นด้วย เช่น หัวหน้าพรรค Die Linke ที่ออกมาแสดงความเห็นขัดแย้งว่า การประกาศดังกล่าวจะทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่รัฐบาลควรกระทำ

Quelle [ที่มา]: http://www.welt.de/politik/deutschland/article157781100/Bevoelkerung-soll-Lebensmittel-Vorraete-fuer-zehn-Tage-anlegen.html

http://www.welt.de/politik/deutschland/article157809984/Beim-Schutzplan-geht-es-um-mehr-als-Hamsterkaeufe.html

https://www.tagesschau.de/inland/zivilschutz-101.html

http://www.bbk.bund.de/DE/Ratgeber/Handeln_in_Katastrophen/Handeln_in_Katastrophen.html

2016-08-26