แต่งประโยคคำถามเยอรมันยังไงนะ?

Ja-/Nein-Frage [ประโยคคำถามใช่หรือไม่]

ถ้าเราเข้าใจประโยคบอกเล่าจากบทที่แล้ว บทนี้ก็แค่มาต่อยอดการแต่งประโยคคำถามเพิ่มอีกเล็กน้อยค่ะ ไม่ยากเลย วันนี้ครูศิรินจะพาเม้าส์มอยน์และเพื่อนๆมารู้จักประโยคคำถามใช่หรือไม่ และวิธีการแต่งประโยคกันค่ะ

Ja/Nein-Frage [ประโยคคำถามใช่หรือไม่] คือคำถามที่ต้องการคำตอบแค่ ja [/หยา/ใช่] และ nein [/หนายน์/ ไม่ใช่] แปลง่ายๆ ว่า ประโยคคำถามที่ถามลงท้ายว่า หรือเปล่า, ใช่ไหม, ใช่หรือไม่ เช่น

  • Kommen Sie aus Thailand? [คุณมาจากประเทศหรือเปล่า]  

จุดสังเกตสำคัญคือ กริยาอยู่ตำแหน่งที่ 1 และผันตามประธานเสมอ ในที่นี้คือ kommen ที่ผันตามประธาน Sie และปิดท้ายประโยคด้วยเครื่องหมายคำถาม [?] ค่ะ เวลาพูดขึ้นเสียงสูงเล็กน้อยที่ท้ายประโยค
เวลาตอบ ก็ตอบสั้นๆ ได้เลยว่า ja หรือ nein หรือ doch
หรือจะตอบยาวๆ ก็ได้ค่ะ เอาประโยคบอกเล่ามาใส่เติมท้าย ja หรือ nein หรือ doch เช่น

  • Kommen Sie aus Thailand?
    • Ja, (ich komme aus Thailand.)
  • Wohnt Mausmoin in Japan?
    • Nein, (er wohnt in Deutschland.)

ในห้องสอบ เราจะตอบสั้นๆก็ได้นะคะ ว่า ja หรือ nein

คราวนี้มาลองทำแบบฝึกหัดกันค่ะ ช่วยเม้าส์มอยน์เลือกว่า A หรือ B ข้อไหนเป็นประโยคคำถามใช่หรือไม่ค่ะ

  • A: Haben Sie Telefon?
  • หรือ B: Sie haben Telefon.

คำตอบที่ถูกคือ A ค่ะ แปลว่า คุณมีโทรศัพท์รึเปล่า แต่ B เป็นประโยคบอกเล่า แปลว่า คุณมีโทรศัพท์

  • A: Sie Deutsch sprechen?
  • หรือ B: Sprechen Sie Deutsch?

คำตอบที่ถูกคือ B เพราะ กริยาต้องอยู่ตำแหน่งที่ 1 และผันตามประธาน ในที่นี้คือ sprechen [พูด] ในประโยคคำถามใช่หรือไม่ค่ะ แปลว่า คุณพูดเยอรมันรึเปล่า ส่วนข้อ A เรียงประโยคผิดค่ะ

  • A: Du kommen Thailand?
  • หรือB: Kommst du aus Thailand?

คำตอบที่ถูกคือ B เพราะ กริยาต้องอยู่ตำแหน่งที่ 1 และผันตามประธาน ในที่นี้คือ kommst [มา] ผันตาม du แปลว่า เธอมาจากประเทศไทยใช่ไหม ส่วนข้อ A ไม่เป็นประโยคที่ถูกต้องค่ะ

บทต่อไปเราไปรู้จักประโยคคำถามอีกประเภทหนึ่งกันนะคะ นั่นคือ W-Frage [ประโยคคำถามปลายเปิด] ค่ะ

ประโยคบอกเล่าเยอรมัน ง่ายนิดเดียว!

Aussagesatz [ประโยคบอกเล่า]

บทที่แล้ว เรารู้จักความหมายของประโยคกันแล้ว คราวนี้ครูศิรินพามาฝึกแต่งประโยคบอกเล่ากันบ้างค่ะ

ประโยคบอกเล่าคือ ประโยคที่เราพูดเล่าอะไรออกมา ไม่ต้องการคำตอบ หรือเอาไว้ตอบคำถามคนอื่นค่ะ ถ้าเขียนออกมาก็จะมีเครื่องหมายจุดลงท้าย แล้วตอนพูดก็จะลงเสียงต่ำท้ายประโยค เช่น

  • Ich komme aus Thailand. [ฉันมาจากประเทศไทย]
  • Mausmoin trinkt gern Kaffee. [เม้าส์มอยน์ชอบดื่มกาแฟ]

จุดสังเกตสำคัญคือ กริยาอยู่ตำแหน่งที่ 2 และผันตามประธานเสมอ ในที่นี้คือ komme ที่ผันตามประธาน ich และ trinkt ผันตาม Mausmoin และปิดท้ายประโยคด้วยจุดค่ะ

จุดเด่นพิเศษอีกอย่างของประโยคบอกเล่าในภาษาเยอรมันคือ ประธานไม่จำเป็นต้องอยู่ตำแหน่งแรกค่ะ สลับมาอยู่หลังกริยาได้ แต่กริยาห้ามไปไหน ต้องอยู่ตำแหน่งที่ 2 เท่านั้นและต้องผันตามประธาน ถึงจะเป็นประโยคบอกเล่า

เช่นประโยคบอกรักในภาษาเยอรมัน

  • Ich liebe dich.
  • Dich liebe ich.

สองประโยคนี้มีความหมายเหมือนกันเลยค่ะ คือ ฉันรักเธอ ค่ะ

ลองทำแบบฝึกหัดกันนะคะ ช่วยเม้าส์มอยน์เลือกว่าข้อไหนเป็นประโยคบอกเล่า

1. A: Ich in Phuket

หรือ B: Ich arbeite in Phuket.

ข้อ 1 คำตอบที่ถูกคือ B เป็นประโยคบอกเล่า เพราะมีประธานคือ ich และ กริยา คือ arbeite ผันตาม ich อยู่ตำแหน่งที่ 2 แต่ A ไม่มีกริยา จึงไม่ใช่ประโยคค่ะ

2. A: Mausmoin ist mein Name.

B: Mein Name Mausmoin ist.

ข้อคำตอบที่ถูกคือ A เพราะประโยคบอกเล่า กริยาอยู่ตำแหน่งที่ 2 ในที่นี้คือ ist เพราะฉะนั้นเราจะพูดว่า 

  • Mausmoin ist mein Name.
  • หรือ Mein Name ist Mausmoin. ก็ถูกต้องค่ะ

ครูศิรินเสริมให้ว่าเวลานับตำแหน่งคำ ให้ดูเป็นกลุ่มคำเดียวกันนะคะ เช่น mein Name [ชื่อของฉัน] ไม่ใช่นับตำแหน่งจากจำนวนคำ

ตำแหน่งที่ 1

ตำแหน่งที่ 2

ตำแหน่งที่ 3

Mein Name

ist

Mausmoin.

Mausmoin

ist

mein Name.

สรุปแล้ว ประโยคจะต้องมีประธานและภาคแสดง

และประโยคบอกเล่า คือประโยคที่เล่าข้อมูล ไม่ได้ถามหรือต้องการคำตอบ กริยาจะต้องอยู่ตำแหน่งที่ 2 และผันตามประธานค่ะ

รู้จักประโยคบอกเล่าแล้ว บทต่อไปจะไปรู้จักประโยคคำถามกันต่อค่ะ ซึ่งเราจะเอาไปใช้แต่งประโยคถามเพื่อนในห้องสอบด้วย

เรียนเยอรมันกับเม้าส์มอยน์กันต่อที่ https://mausmoin.com/a1/ หรือหนังสือเรียนเยอรมันกับเม้าส์มอยน์เล่ม 1,2 มีจำหน่ายทั่วโลก