6.1 Ich bin um halb acht aufgestanden. [ผมตื่นนอนตอนเจ็ดโมงครึ่ง]

ความยาก: ปานกลาง

เวลาที่ใช้เรียน: 60 นาที

แบร์ลีนกลับจากบาร์เซโลน่ามาเห็นเม้าส์มอยน์นอนซมไข้ขึ้น ก็เลยต้องถามไถ่กันอย่างละเอียดหน่อยว่าไปทำอะไรมา 

บทนี้เม้าส์มอยน์เล่าให้แบร์ลีนฟังถึงเหตุการณ์และเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปแล้วเมื่อวาน นั่นหมายถึงเหตุการณ์ต่างๆ นั้นได้เกิดขึ้นในอดีต ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำหรือเกิดขึ้นตอนนี้

การเล่าเรื่องในอดีตในรูป Perfekt [อดีต] นอกจากจะผันกริยาช่วยตามประธานแล้ว เรายังต้องผันกริยาหลักให้อยู่ในรูปอดีตด้วยค่ะ

เราอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับการผันกริยาเมื่อพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว เพราะในภาษาไทยเราไม่มีการเปลี่ยนรูปคำกริยา แต่ครูศิรินเชื่อว่าทุกคนเรียนมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีอะไรที่ยากเกินไป เพียงแต่อาจจะยังไม่ชิน วิธีฝึกคือ

1.          เราผัน haben และ sein ตามประธานให้คล่องเหมือนที่เคยฝึกไปแล้วตั้งแต่บทที่หนึ่ง

2.         แยกให้ถูกว่าเมื่อไหรจะใช้กริยาช่วย haben หรือ sein

3.         ผันกริยาหลักในรูป Partizip II [/พา-ทิ-ซิพ ซ-ไว/ กริยาช่อง 3] ให้คล่อง

อันดับแรกที่เราต้องรู้จัก คือรูปแบบการผันกริยา

Perfekt ประกอบด้วย haben/sein + Partizip II

เราจะใช้กริยา haben และ sein ที่ถือเป็นกริยาช่วย มาเป็นตัวผันตามประธานอยู่ในตำแหน่งที่สอง และเอากริยาที่แสดงความหมายหลัก ผันอยู่ในรูป Partizip II [/พา-ทิ-ซิพ ซ-ไว/ กริยาช่อง 3] และเอาไปไว้ที่ท้ายประโยค เช่น

• Ich bin um halb acht aufgestanden.  ฉันตื่นนอนตอนเจ็ดโมงครึ่ง
• Zu Mittag habe ich um halb zwei gegessen.  ฉันทานอาหารกลางวันตอนบ่ายโมงครึ่ง        

จะเห็นว่าเวลาคุยกับคนเยอรมัน ไม่ต้องแปลกใจ หากรู้สึกว่าเขาใจเย็นรอเราให้พูดจนจบประโยค เพราะคำที่กุมความหมายสำคัญที่สุดอยู่ที่ท้ายประโยคนั่นเอง

มาดูโครงสร้างประโยคแบบชัดๆ กันนะคะ ไม่ว่าจะขึ้นต้นประโยคด้วยประธาน หรือส่วนขยายอื่นๆ  สิ่งสำคัญคือกริยา haben หรือ sein ที่ผันตามประธาน ต้องอยู่ตำแหน่ง 2 เสมอ และกริยาในรูป Partizip II อยู่ท้ายประโยคค่ะ

มาทวนการผันกริยา haben และ sein อีกครั้งกันก่อนค่ะ 

อันดับที่สอง เมื่อไหรจะใช้ haben เมื่อไหรใช้ sein

กริยาโดยทั่วไปจะใช้คู่กับ haben เมื่อผันในรูป Perfekt

แต่มีแค่กริยากลุ่มหนึ่งที่แสดงการเคลื่อนไหว หรือเปลี่ยนสภาพ เราจะใช้คู่กับ sein ค่ะ มาดูตัวอย่างกันค่ะ

1. Verben der Bewegung [กริยาที่มีการเคลื่อนไหว เปลี่ยนที่อยู่]

สังเกตจากความหมายของกริยาที่เคลี่ยนไหวจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เช่น เดินทาง (จากบ้าน) ไปซื้อของ  เดินทางไปเที่ยว เดินทางกลับ แม้แต่การลุกขึ้น หรือล้มลงก็ต้องใช้คู่กับ sein นะคะ ดูตัวอย่างกันค่ะ 

หมายเหตุเล็กๆ สำหรับกริยา schwimmen เราอาจได้ยินทั้ง haben และ sein แต่ถ้าว่ายน้ำจากจุดหนึ่งไปอีกจุด ก็มักจะใช้ sein ค่ะ

• Pameda hat/ist früher viel geschwommen.   แต่ก่อนพาเมด้าว่ายน้ำบ่อย
• Pameda ist zur Insel geschwommen.  พาเมด้าว่ายน้ำไปที่เกาะ

และสำหรับกริยา umziehen, einziehen และ ausziehen สามารถหมายถึงได้ทั้งการย้ายที่อยู่ และความหมายอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการเคลื่อนที่ ในระดับเริ่มต้นนี้หากใช้ในความหมายย้ายที่อยู่ (มีการเปลี่ยนที่) เราจะใช้ sein ค่ะ เช่น

• Mausmoin hat seine Schuhe ausgezogen.   เม้าส์มอยน์ถอดรองเท้าออก
• Mausmoin ist (aus seiner Wohnung) ausgezogen. เม้าส์มอยน์ย้ายออกจากบ้าน

2. Verben der Zustandsveränderung กริยาแสดงการเปลี่ยนสภาพ

กริยาอีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้คู่กับ sein ก็คือกริยาที่มีการเปลี่ยนสภาพ ไม่ว่าเปลี่ยนจากหลับเป็นตื่น ตื่นเป็นหลับ หรือแม้แต่เสียชีวิต เช่น

กริยานอกจากนี้ เราก็ใช้คู่กับ haben เมื่อใช้ในรูปอดีต Perfekt เหมือนที่เม้าส์มอยน์ได้คุยในบทสนทนาข้างบน กริยากลุ่มนี้มีเยอะมากๆ ซึ่งครูศิรินจะแยกกลุ่มการผันให้เห็นกันชัดๆ ในบทต่อไปค่ะ

ที่ผ่านมาเราได้เรียนการแต่งประโยคในภาษาเยอรมันโดยผันกริยาแบบปัจจุบัน และฝึกผันกริยาตามประธาน แต่การสื่อสารในภาษาเยอรมันไม่ได้อยู่แค่ในปัจจุบัน แต่ยังมีการเปลี่ยนรูปกริยาให้สื่อถึงอดีต หรือเรื่องที่ผ่านไปแล้วได้อีกด้วย

บทนี้เป็นบทที่นอกจากเราจะได้ทบทวนกริยาต่างๆ แล้ว เรายังได้รู้จักการผันกริยาในรูป Perfekt อีกด้วย ซึ่งหลักการผัน ไม่ได้มีกฏอะไรชัดเจน แต่ครูศิรินก็พอมีหลักให้สังเกตและช่วยเบาแรงเราในการจำไปได้บ้างค่ะ มาดูกัน

1. กริยาแยกได้

อย่างแรกคือ กริยาแยกได้ เช่น mitkommen, einschlafen, umziehen พวกนี้ เมื่อผันเป็นรูป Partizip II จะมีการผันรากคำเหมือนกริยารากของพวกเขา (kommen, schlafen, ziehen) แล้วเติม Präfix [คำหน้า] ไปข้างหน้าค่ะ เช่น

2. กริยาช่อง 3

เรื่องที่สองคือ ครูศิรินเรียกชื่อเล่น Partizip II ว่ากริยาช่อง 3 มีที่มาแบบนี้ค่ะ

ช่อง 1 คือกริยาที่เราเรียนตั้งแต่บทแรกๆ ผันตามประธาน เล่าถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน ทำอะไรเป็นประจำ จะทำอะไรในอนาคต หรือพูดถึงความจริงของโลก เราเรียกการผันกริยาแบบนี้ว่า Präsen [/เพร-เซ็น/]

ช่อง 2 และช่อง 3 คือกริยาในรูปกาลอดีต ต่างกันแค่วิธีใช้ นั่นคือ

• Präteritum [/เพร-เทอ-ริ-ทุม/] ใช้ในภาษาเขียน ภาษาทางการ ซึ่งเราจะไม่ลงลึกในระดับ A1 ค่ะ
• Perfekt [/แพร์-เฟค/] ที่เกิดจาก haben/ sein + Partizip II ใช้ในภาษาพูด ที่เราได้ฝึกผันเบื้องต้นกันไปแล้วบ้างในบทนี้ค่ะ

Partizip II [/พา-ทิ-ซิพ ซ-ไว/] ในระดับสูงกว่านี้ จะใช้กับกริยาช่วยตัวอื่นๆ มีความหมายอื่นๆ นอกจากการบอกกาลอดีตด้วยนะคะ ดังนั้นอย่าไปจำว่า Partizip II คือ Perfekt นะคะ

Ergänzen Sie. [แอร์-เก็น-เซ็น ซี / เติมคำในช่องว่าง]

sein oder haben?

Mausmoin: Was ……………….. du gestern gemacht? Du……………….. nicht zum Unterricht gekommen.

Pameda: Ich ……………….. um sechs Uhr aufgestanden. Dann………………..ich kurz spazieren gagangen. Danach ……………….. ich gefrühstückt. Um acht ……………….. ich Rad gefahren und dann ……………….. ich hingefallen. Mein Arm ………………..wehgetan. Dann ……………….. ich zum Arzt gegangen. Um eins ……………….. ich wieder zurück nach Hause gekommen. Ich ……………….. mittaggegessen und die Schmerztabletten eingenommen. Danach ……………….. ich den ganzen Nachmittag geschlafen. Am Abend ...................... ich zu Hause geblieben.

Mausmoin: Was hast du gestern gemacht? Du bist nicht zum Unterricht gekommen.

Pameda: Ich bin um sechs Uhr aufgestanden. Dann bin ich kurz spazieren gagangen. Danach habe ich gefrühstückt. Um acht bin ich Rad gefahren und dann bin ich hingefallen. Mein Arm hat wehgetan. Dann bin ich zum Arzt gegangen. Um eins bin ich wieder zurück nach Hause gekommen. Ich habe mittaggegessen und die Schmerztabletten eingenommen. Danach habe ich den ganzen Nachmittag geschlafen. Am Abend bin ich zu Hause geblieben.

อัพเดทล่าสุด: 2015-04-11