ค่าส่งไปรษณีย์ในเยอรมนีขึ้นราคา [Deutsche Post erhöht Porto]

เม้าส์มอยน์เล่าข่าว ค่าส่งไปรษณีย์ในเยอรมนี ( Deutsche Post) ขึ้นราคา มีผลตั้งแต่ 1 ก.ค. 2019 เป็นต้นไป และคาดว่าจะใช้ราคานี้ไปจดถึงสิ้นปี 2021 โดยขึ้นราคาจากเดิม 10-15 Cent สำหรับค่าส่งไปรษณีย์ในประเทศ ดังนี้

- โปรการ์ด (Postkarte): 60 Cent
- จดหมายซองปกติ หนักไม่เกิน 20 กรัม (Standardbrief): 80 Cent
- จดหมายหนักไม่เกิน 50 กรัม (Kompaktbrief): 95 Cent
- จดหมายซองเอกสารใส่ A4 ได้ หนักไม่เกิน 500 กรัม (Großbrief): 1.55 Euro
- จดหมายซองเอกสารใส่ A4 ได้ หนักไม่เกิน 1000 กรัม (Maxibrief): 2.70 Euro

บริการเสริมต่าง ๆ ที่บวกเพิ่มจากค่าส่งปกติ
- มีเลขติดตามจดหมาย (Prio) +1.00 Euro
- ลงทะเบียนไม่ต้องเซ็นรับ (Einschreiben Einwurf) +2.20 Euro
- ลงทะเบียนแบบเซ็นรับ (Einschreiben Standard) +2.50 Euro
- ลงทะเบียนพร้อมใบแจ้งกลับผู้รับ (Einschreiben Rückschein) +4.70 Euro

และขึ้นราคาสำหรับค่าส่งไปรษณีย์ระหว่างประเทศอีก 5 Cent ถึง 1 Euro เช่น ลงทะเบียนแบบเซ็นรับ (Einschreiben International) +3.50 Euro (จากเดิม +2.50 Euro)

ทั้งนี้ทางไปรษณีย์เยอรมันแจ้งว่า เหตุผลที่ต้องขึ้นราคา ก็เพื่อนำเงินมาพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และจ่ายเงินเลี้ยงดูพนักงานให้ดีมากขึ้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.deutschepost.de/de/a/aenderungen-2019.html

แม้ทุกวันนี้เราจะส่งเอกสารทางอีเมลกันได้ แต่ในเยอรมนี เอกสารทางการที่สำคัญหลายฉบับก็ยังต้องส่งตัวจริงไปทางจดหมายอยู่ดี ใครไปส่งจดหมายก็จะได้ไม่ตกใจว่า Deutsche Post ขึ้นราคา (อีกแล้วนะจ๊ะ!)

ใหม่! สติกเกอร์ไลน์เม้าส์มอยน์ 2 | Line Sticker Mausmoin Set 2

สติกเกอร์แชทเยอรมัน-ไทยชุดใหม่วางขายแล้ว! กดซื้อได้เลยที่:

ชุดใหม่: https://store.line.me/stickershop/product/7239803
ชุด 1: https://store.line.me/stickershop/product/1636764/en

แชทภาษาเยอรมันมันส์กว่าเดิมไปกับสติกเกอร์ไลน์ Mausmoin ชุดสอง สนุกแถมได้ฝึกเยอรมันไปในตัว #ไม่มีไม่ได้แล้ว #linesticker #mausmoin #deutschchatten

---------
Viel Spaß beim Chatten mit Thais! Bilder sagen mehr als Worte. Lass Mausmoin und Freunde dabei helfen! Warum musst du noch was schreiben, wenn du uns hast!? sofort loslegen!: 
Set 2 neu!: https://store.line.me/stickershop/product/7239803
Set 1: https://store.line.me/stickershop/product/1636764/en

 

 

 

 

พัฒนาภาษาเยอรมันอย่างสร้างสรรค์กับเม้าส์มอยน์ | Kreativ Deutsch lernen mit Mausmoin

Mausmoin มักจะได้รับคำถามอยู่บ่อย ๆ ว่า "เรียนเยอรมันให้เก่งทำอย่างไร?" "ทำอย่างไรให้ชอบเรียนเยอรมัน?" "อยากจะสื่อสารเยอรมันได้เร็วๆ ฝึกอย่างไร?" ถ้าเพื่อน ๆ เองก็มีคำถามแบบนี้อยู่ในใจ วันนี้เรามาหาคำตอบ และค้นหาวิธีพัฒนาทักษะภาษาเยอรมัน ที่เหมาะกับลักษณะการใช้ชีวิตของตนเอง แบบง่าย ๆ และสร้างสรรค์ไปพร้อมกันเลย

1. คิดวางแผนอย่างสร้างสรรค์

การที่เราจะชอบและเก่งภาษาเยอรมันได้นั้น อันดับแรก Mausmoin อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ปรับเปลี่ยนทัศนะคติที่มีต่อภาษาเยอรมันของตัวเราก่อน ว่าเราเรียนเยอรมันไปเพื่ออะไร และรู้จักเป้าหมายการเรียนภาษาเยอรมันของตัวเอง เพื่อจะได้รู้วิธีที่จะฝึกฝนทักษะภาษาเยอรมันของตนเองให้ถูกทางและมีความสุขไปกับการเรียน เหมือนที่เล่าจื๊อ นักปรัชญาชาวจีนได้กล่าวไว้ว่า “Nur wer sein Ziel kennt, findet den Weg.” “มีเพียงผู้ที่รู้จักเป้าหมายของตัวเองเท่านั้น จึงจะพบเส้นทาง”

แน่นอนว่าแต่ละคนต่างมีเหตุผลและเป้าหมายในการเรียนภาษาเยอรมันแตกต่างกันไป บางคนเรียนเพราะแต่งงานกับชาวเยอรมัน ใช้ชีวิตในเยอรมนี อยากขอสัญชาติเยอรมัน บางคนอยากเรียนต่อ อยากหางานทำในประเทศเยอรมนี บางคนทำงานที่ต้องใช้ภาษาเยอรมัน หรือบางคนเรียนเพราะชอบนักฟุตบอลเยอรมัน หรือหลงใหลประเทศและวัฒนธรรมเยอรมันเอามาก ๆ

Mausmoin ขอช่วยยกตัวอย่าง ขั้นตอนการคิดวางแผนแบบสร้างสรรค์สำหรับการเรียนเยอรมันของเพื่อน ๆ ว่า เราจะตั้งเป้าหมายการเรียนเยอรมันของเราอย่างไร เส้นทางในการฝึกฝนควรเป็นไปในแนวไหน และประเมินผลเพื่อพัฒนาต่อไปอย่างไร ตามขั้นตอนดังนี้

1. ตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า เราเรียนเยอรมันเพื่ออะไร เช่น หนูนาแต่งงานกับแฟนชาวเยอรมัน เลยต้องการสื่อสารภาษาเยอรมันกับครอบครัวและคนรอบข้างได้เข้าใจ หนูแฮมอยากเรียนต่อปริญญาโทที่เยอรมนี เลยต้องเรียนภาษาเยอรมัน หนูน้อยอยากจะขอสัญชาติเยอรมัน จึงต้องสอบวัดระดับภาษาเยอรมันเพื่อนำไปยื่นสมัครขอสัญชาติ


2. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปได้ เช่น เราอยากสามารถคุยภาษาเยอรมันแบบง่าย ๆ เกี่ยวกับตัวเอง และเรื่องใกล้ตัวได้ ภายใน 6 เดือน หรืออยากพัฒนาภาษาเยอรมันให้ดียิ่งขึ้น ช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น ภายใน 1 ปี หรือเราอยากสอบเยอรมันผ่านระดับ B1 ให้ได้ ภายใน 9 เดือน

อย่าลืมว่า เราแต่ละคนเรียนรู้ช้าเร็วไม่เท่ากัน พื้นฐานความสามารถไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงไม่ควรเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่ควรจะเปรียบเทียบกับตัวเองในเมื่อวาน พัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในแบบของเรา โดยกำหนดเป้าหมายของตนเองให้ท้าทาย แต่ไม่ยากหรือง่ายจนเกินไป เมื่อเรามีเป้าหมายชัดเจน เส้นทางก็จะเปิดออก และเราจะเริ่มสนุกไปกับการพัฒนาภาษาเยอรมันในแบบของเราเอง

3. หาวิธีเริ่มต้นและฝึกฝนให้เหมาะกับตนเอง โดยอันดับแรก เม้าส์มอยน์ขอแนะนำให้ประเมินตัวเองดูว่าเราเป็นคนเรียนรู้อะไรได้ด้วยตนเองพอได้หรือไม่ มีพื้นฐานภาษาเยอรมันมามากน้อยแค่ไหน ชอบเรียนแบบอ่านหนังสือด้วยตนเอง หรือชอบเรียนแบบมีครูช่วยอธิบาย มีวินัยรับผิดชอบตนเองได้มากแค่ไหน 

ถ้าเราเป็นคนที่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ไม่มีพื้นฐานภาษา ก็สามารถเริ่มง่าย ๆ โดยการหาคอร์สเรียนเยอรมันที่เหมาะสมกับตนเอง เช่น อยากเรียนในห้องเรียนหรือเรียนออนไลน์ อยากเรียนแบบกระชับ เข้าใจง่ายกับครูคนไทย หรืออยากเข้าเรียนกับเพื่อนต่างชาติ สอนโดยครูเยอรมัน แล้วก็เลือกคอร์สให้ตรงกับเป้าหมายที่กำหนดและลักษณะการเรียนที่เหมาะกับเรา


4. เดินหน้าตั้งใจเรียนให้เต็มที่และประเมินผลตนเอง ระหว่างที่เรียน อย่าลืมประเมินตนเองเป็นระยะ ๆ ว่า เราพัฒนาเยอรมันได้ดีขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน มีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เรียนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ เช่น เพิ่มหรือลดเวลาเรียน ปรับเปลี่ยนสถานที่นั่งเรียน หาแบบฝึกหัดเสริมมาทำเพิ่ม เป็นต้นอย่าปิดโอกาสและเส้นทางการพัฒนาภาษาเยอรมันของตัวเอง โดยยึดติดกับความคิดผิด ๆ ว่า “ฉันไม่เก่งภาษา” “ฉันคงเรียนไม่รอด” “ฉันไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้” Mausmoin ขอฝากคำพูดของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ชาวเยอรมันผู้โด่งดัง ที่เคยกล่าวตอบคำถามที่ว่า “พรสวรรค์ด้านวิทยาศาสตร์ของคุณได้มาจากฝั่งคุณพ่อ และพรสวรรค์ด้านดนตรีมาจากทางฝั่งคุณแม่รึเปล่า” อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ตอบว่า “Ich habe keine besondere Begabung, sondern bin nur leidenschaftlich neugierig.” “ผมไม่ได้มีพรสวรรค์พิเศษใด ๆ เพียงแต่ผมแค่อยากรู้อยากเห็นเอามาก ๆ เท่านั้น”

เป็นตัวอย่างว่า เราไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์อะไรพิเศษ แต่สำคัญอยู่ที่การไม่หยุดที่จะอยากรู้อยากเห็น อยากเรียนรู้ภาษา เพื่อทำเป้าหมายของเราให้สำเร็จ และพัฒนาไปอีกทีละขั้นให้ได้

2. ลงมือทำอย่างสร้างสรรค์

เมื่อเรารู้จักเป้าหมายการเรียนภาษาเยอรมันของตัวเอง มีเส้นทางการเรียนอย่างเหมาะสมแล้ว ก็ลงมือตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่การเรียนภาษาเยอรมัน ไม่ได้มีแค่ในตำรา ในห้องเรียนเท่านั้น เรายังสามารถฝึกฝนเยอรมันจากสิ่งรอบตัวแบบสร้างสรรค์ได้อีกด้วย มาดูไปพร้อมกับ Mausmoin ว่า เราจะนำสิ่งที่เราเรียน มาฝึกใช้ในชีวิตประจำวันและงานอดิเรกของเราอย่างไรได้บ้าง

เริ่มจากงานอดิเรกที่เราชอบกันก่อน ใครชอบดูหนัง ฟังเพลง ดูละคร ดูการ์ตูน อ่านการ์ตูน อ่านนิยาย วรรณกรรม ก็ลองหาหนัง เพลง นิยาย การ์ตูน นิทาน แนวที่ชอบ ดูน่าสนุก เป็นภาษาเยอรมันมาเพิ่มเติมบ้าง เลือกประเภทที่เราชอบ ฟังได้ชิว ๆ อ่านได้เพลิน ๆ เนื้อเรื่องสนุก น่าติดตามในแบบของเรา แล้วเราก็จะมีความสุขกับการได้ใช้ภาษาเยอรมันที่เรียนมากับสิ่งที่ชอบ และจะค่อย ๆ รักภาษาเยอรมันแบบสร้างสรรค์เหมือน Mausmoin ได้แน่นอน

งานอดิเรกอีกประเภทของหลายคน ก็คือการทำอาหาร อบขนม สร้างสรรค์เมนูอาหารเครื่องดื่มให้คนในครอบครัวได้ชิมและทาน ก็สามารถนำความรู้ภาษาเยอรมันเรามาปรับใช้กับการหาสูตรอาหาร ขนม เครื่องดื่มสไตล์เยอรมัน เป็นภาษาเยอรมันดูบ้าง ไม่ว่าจะอ่านสูตรอาหารจากตำรา อินเตอร์เน็ต หรือจดสูตรจากคุณยายเยอรมัน สนุกไปกับการออกไปตามล่าหาซื้อส่วนผสมต่าง ๆ ในร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ได้นำคำศัพท์ส่วนประกอบอาหาร เครื่องมือการประกอบอาหารที่เคยได้เรียนมาใช้ในชีวิตจริง คำไหนที่ไม่รู้ก็เปิดหาความหมายในพจนานุกรม หรือดูรูปประกอบในอินเตอร์เน็ตเพิ่มไปด้วย นอกจากจะได้เพิ่มพูนคำศัพท์ใหม่แล้ว ยังได้ฝึกออกไปสื่อสารกับคนเยอรมัน รู้จักวัฒนธรรมเยอรมันเพิ่มด้วยว่า คนเยอรมันชอบทานหรือดื่มอะไรกัน ชอบทำอะไรทานช่วงไหนเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าทั้งอิ่มท้องและอิ่มสมองไปพร้อมกันเลย

อีกตัวอย่างของการใช้เวลาว่างที่พลาดไม่ได้สำหรับเพื่อน ๆ ที่ย้ายมาอยู่เยอรมนี ก็คือการออกเดินทางท่องเที่ยว เปิดหูเปิดตาในที่ใหม่ ๆ แค่ไปเที่ยวใกล้ ๆ ไปเช้าเย็นกลับ หรือจะจัดทริปเล็ก ๆ กับครอบครัว เพื่อนฝูง ชมรม ก็สนุกและได้เรียนรู้ภาษาเยอรมันแบบสร้างสรรค์ได้เต็ม ๆ ลองเริ่มจากการนั่งรถเมล์ หรือรถไฟไปเดินเล่นเมืองใกล้ ๆ ฝึกความกล้าที่จะใช้ภาษาเยอรมันตอนซื้อตั๋ว อ่านป้ายรถ หาสถานที่ท่องเที่ยว ถามทาง สั่งอาหารเครื่องดื่ม อ่านประวัติความเป็นมาของสถานที่ที่ไปเยี่ยมชม เขียนโปสการ์ดเป็นภาษาเยอรมันส่งให้คนที่เรารัก พูดคุยกับเพื่อน ๆ ในทริปเป็นภาษาเยอรมัน รับรองว่าเพื่อน ๆ จะได้เต็มอิ่มไปกับการเปิดโลกใหม่ และสนุกกับการสื่อสารเยอรมันครบทั้งฟังพูดอ่านเขียนแน่นอน

นี่เป็นเพียงน้ำจิ้มของการใช้เวลาว่างที่ Mausmoin ยกมาให้เพื่อน ๆ ได้ลองลิ้มรสความสนุกจากการใช้ความรู้ภาษาเยอรมันในชีวิตจริง หวังว่าเพื่อน ๆ คงจะเห็นภาพความสนุกของการใช้ภาษาเยอรมันอย่างสร้างสรรค์ในชีวิตเพิ่มขึ้น ที่นอกเหนือไปจากการเรียนเยอรมันในคอร์สเรียน หรือการใช้ภาษาเยอรมันในที่ทำงาน เพียงแค่เราเริ่มคิดอย่างสร้างสรรค์ที่จะรักและเรียนภาษาเยอรมัน เราก็จะทำมันได้ดีและมีความสุขขึ้น รวมไปถึงการลงมือทำอย่างสร้างสรรค์ โดยตั้งใจเรียนและนำความรู้ที่เรียนมาใช้ในชีวิตประจำวัน และนำภาษาเยอรมันมาเป็นส่วนหนึ่งของงานอดิเรกที่เราชอบ แล้วเราก็จะรักภาษาเยอรมันมากขึ้น เรียนเยอรมันได้เก่งขึ้น และพัฒนาการสื่อสารภาษาเยอรมันได้เร็วขึ้นแน่นอนการเรียนภาษาเป็นการเรียนรู้แบบไม่มีที่สิ้นสุด เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ยิ่งเรามีความสุขกับมัน เราก็ยิ่งอยากเรียนรู้ สนุกกับภาษาเยอรมันมากขึ้นไปอีก Mausmoin ฝากข้อคิดสุดท้ายจากคำกล่าวของโยฮันน์ วอล์ฟกัง ฟอน เกอเทอ กวีเอกชาวเยอรมัน ไว้ว่า “Erfolg hat 3 Buchstaben: TUN!” “ความสำเร็จสะกดด้วยคำสามคำ: ลงมือทำ!”

อย่ารอช้า! ลุกขึ้นมาพัฒนาภาษาเยอรมันอย่างสร้างสรรค์ในแบบของตนเอง และสนุกไปกับการมีภาษาเยอรมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปพร้อมกับ Mausmoin กันนะจ๊ะ

จากบทความของ Mausmoin ในนิตยสาร D-Magazine ฉบับที่ 26 (ธันวาคม 2561) นิตยสารเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาทักษะคนไทยในต่างแดน

D01 สนทนาเยอรมัน โทรศัพท์ทำนัดหมายที่คลินิก | A2 Terminvereinbarung


 มาฝึกฝนการทำนัดหมายกับคุณหมอเป็นภาษาเยอรมันไปพร้อมกับเม้าส์มอยน์กันเลย คลิปนี้เราจะฝึกฟังจับใจความ จากบทสนทนาการทำนัดหมาย ฝึกพูดตาม ทำแบบฝึกหัด และทบทวนประโยคที่ใช้บ่อยในการนัดหมายเป็นภาษาเยอรมัน เนื้อหาและคำศัพท์จะอยู่ในระดับ A2 นะจ๊ะ

ใครอยากเรียนเยอรมันแบบเข้าใจง่าย สอนเป็นขั้นเป็นตอน กระชับ จัดเวลาเรียนได้เอง เรียนที่ไหนก็ได้ เม้าส์มอยน์ขอแนะนำ:

คอร์สเรียนเยอรมันพื้นฐาน, ติวสอบ A1, ต่อยอด A2 สมัครได้เลย รับจำนวนจำกัดนะจ๊ะ

สมัครทาง Line, Facebook: mausmoin, E-mail: info@mausmoin.com

“ใช้ชีวิตในเยอรมนี ต้องรู้ภาษาเยอรมันไหมนะ?” | Ist es wichtig, Deutsch zu lernen?

ใครกำลังชั่งใจว่า “จะเรียนภาษาเยอรมันดีไหมนะ” คิดว่า “ฉันน่าจะอยู่ในเยอรมนีได้ ภาษาเยอรมันไม่จำเป็นหรอก” หรือมีคำถามว่า “จะสมัครเรียน สมัครงาน ต้องรู้ภาษาเยอรมันไหมนะ” ลองตอบคำถามต่อไปนี้ดูก่อนว่า ก. ใช่ ข. บางครั้ง หรือ ค. ไม่ใช่เลย แล้วมาดูคำตอบกัน

  • ฉันพูดภาษาอังกฤษได้ พูดอังกฤษกับแฟนได้ แต่กลับสื่อสารกับคนเยอรมันไม่รู้เรื่อง
  • ปกติฉันเป็นคนทำอะไรได้เอง แต่ฉันกลับประหม่า เมื่อต้องออกนอกบ้านไปทำอะไรคนเดียวในเยอรมนี
  • เวลาไปซื้อของ แคชเชียร์บอกมาเท่าไร ฉันก็ไม่รู้หรอก ยื่นเงินให้เขาไป เดี๋ยวเขาก็ทอนให้เอง
  • เวลาไปทานข้าวกันเพื่อนหรือญาติของสามี ฉันอึดอัดมาก นั่งเงียบ ฟังก็ไม่รู้เรื่อง พูดก็ไม่ได้ ไม่อยากไปเลย
  • ก่อนมีลูก แฟนก็พูดอังกฤษด้วย พอมีลูก แฟนก็พูดเยอรมันกับลูก เข้าใจกันแค่ 2 คน ฉันก็ได้แต่นั่งมองเงียบ ๆ งง ๆ
  • ฉันอยากเรียนต่อ อยากทำงานในเยอรมนี แต่ถูกปฏิเสธ เพราะพูดเยอรมันไม่ได้
  • ฉันอยากขับรถไปไหนได้เองในเยอรมนี แต่สอบใบขับขี่ไม่ได้ เพราะอ่านข้อสอบไม่รู้เรื่อง คุยกับครูไม่ได้
  • ฉันอยากขอสัญชาติเยอรมัน แต่ติดที่ต้องสอบเยอรมันให้ได้ถึงระดับ B1 รู้งี้ ฉันเรียนภาษาเยอรมันมาตั้งนานแล้ว

ถ้าคำตอบคือ ใช่ หรือบางครั้ง เกิน 2 ข้อ ก็เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญแล้วว่า ภาษาเยอรมันสำคัญกับการใช้ชีวิตในประเทศเยอรมนีของเรามากแค่ไหน และควรอ่านบทความนี้ต่อเพื่อปรับความคิด และเปลี่ยนชีวิตในเยอรมนีให้มีความสุขไปด้วยกัน Mausmoin ขออาสาพาเพื่อน ๆ เปิดมุมมองว่า “ทำไมเราต้องเรียนรู้ภาษาเยอรมัน เมื่อมาอยู่ในเยอรมนี” “ปัญหาอะไรที่อาจพบเจอ เมื่อไม่รู้ภาษาเยอรมัน” และ “รู้ภาษาเยอรมันแล้วดีกับตนเองอย่างไร”

ทำไมเราต้องรู้ภาษาเยอรมัน?

หลายคนอาจคิดว่า “วัน ๆ ฉันไม่ต้องไปไหน คงไม่ต้องใช้เยอรมัน” แต่พอมีลูก ต้องไปส่งลูกที่โรงเรียน ต้องคุยกับครู ผู้ปกครองคนอื่น กลับเข้าสังคมของลูกไม่ได้ เพราะสื่อสารเยอรมันไม่ได้ หรือหลายคนมักคิดไปว่า “ฉันมีแฟน/สามี และเพื่อน ๆ คอยแปลเยอรมันให้ได้” แต่หากไม่มีใครช่วย ก็ทำอะไรด้วยตนเองไม่ได้เลย ภาษาเยอรมันกลายเป็นอุปสรรคในชีวิต และปิดกั้นโอกาสและความสามารถของเราไป

ภาษาเยอรมันสำหรับคนไทย อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว แค่พูดภาษาอังกฤษได้ ก็น่าจะเอาตัวรอดได้ แต่จากประสบการณ์ของ Mausmoin และคนไทยหลายคน ความคิดข้างต้นอาจจะถูกเพียงแค่ส่วนหนึ่ง จริงอยู่ที่สมัยนี้คนเยอรมันรุ่นใหม่ พอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง แต่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ ถ้าเป็นนักท่องเที่ยว ใช้ภาษาอังกฤษในเยอรมนีก็พอจะเอาตัวรอดไปได้ แต่หากต้องใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเยอรมนี โดยเฉพาะในเมืองเล็ก ๆ คนเยอรมันจะพูดแต่ภาษาเยอรมัน ป้ายคำสั่ง ป้ายให้ข้อมูลต่าง ๆ จะเขียนเป็นภาษาเยอรมัน ถ้าเราอ่านไม่ออก ฟังหรือคุยไม่รู้เรื่อง นอกจากจะอึดอัด หงุดหงิดแล้ว อาจเกิดอันตราย หรือเกิดผลเสียกับตัวเองได้ เช่นตัวอย่างใกล้ตัวดังนี้  

  • เรากำลังจะเข้าห้องน้ำ แล้วมีป้ายเขียนไว้ว่า “Toilette defekt, bitte nicht benutzen!" เราจะเข้าห้องน้ำนี้ไหม? …. ถ้าเราอ่านป้ายออก ก็จะรู้ว่า คำเตือนเขียนว่า "ห้องน้ำเสีย กรุณาอย่าใช้" แต่ถ้าเราอ่านไม่ออก แล้วเข้าไปใช้สุขา เกิดปัญหาอะไรขึ้น ก็คงโทษใครไม่ได้ นอกจากตัวเอง
  • เรานั่งอยู่ในรถไฟ อยู่ ๆ รถไฟก็หยุดนอกสถานี และมีประกาศว่า "...Bitte hier nicht aussteigen..." เราควรทำตัวยังไง? ….. ถ้าเราฟังออก ก็จะรู้ว่าเขาประกาศว่า “กรุณาอย่าเพิ่งลงจากรถไฟ” เราก็แค่นั่งต่อไป รอลงที่สถานีตามปกติ แต่ถ้าเราไม่เข้าใจ เราอาจจะตกใจ หาทางลงจากรถไฟ ซึ่งจะเป็นอันตรายได้

ปัญหาที่คนไทยพบบ่อย เมื่อไม่รู้ภาษาเยอรมัน

สิ่งที่เราควรเข้าใจเป็นอันดับแรกคือ ภาษาราชการในประเทศเยอรมนีคือ ภาษาเยอรมัน เพียงภาษาเดียว ดังนั้นตราบใดที่เราอาศัยอยู่ในเยอรมนี ภาษานี้จะวนเวียนอยู่ในชีวิตเราตลอด ตั้งแต่เรื่องใกล้ตัว เช่น เดินทาง ซื้อของ จ่ายตลาด หาหมอ ไปจนถึงเรื่องสำคัญอื่น ๆ เช่น จดหมายจากอำเภอ จดหมายจากโรงเรียนลูก สัญญาใช้โทรศัพท์ สัญญาเช่าบ้าน สัญญาจ้างงาน การสื่อสารรวมไปถึงเอกสารทุกอย่างจะเป็นภาษาเยอรมันทั้งหมด แล้วใครจะช่วยอธิบายให้เราได้ทุกครั้ง นอกจากตนเป็นที่พึ่งแห่งตน?

ตอนเราจดทะเบียนสมรส ทำสัญญาสมรส หรือสัญญาซื้อบ้าน เจ้าหน้าที่จะให้เรานำล่ามที่สาบานตนกับศาลมาแปลเป็นภาษาไทยให้ เพื่อให้เราเข้าใจว่าเรากำลังจะเซ็นอะไร เพราะเมื่อเราเซ็นไปแล้ว สิ่งนั้นจะมีผลไปจนกว่าสัญญาจะสิ้นสุดลง แต่ในชีวิตประจำวัน คงไม่สามารถพึ่งล่ามได้ตลอดเวลา หากใครไม่รู้ภาษาเยอรมัน คิดว่าเซ็น ๆ ไปก็จบ ไม่อยากเสียเวลา หารู้ไหมว่า ที่ “เขาบอกว่า” เป็นสัญญาซื้อมือถือ ความจริงกลับเป็นสัญญากู้ยืมเงินดอกเบี้ยสูง ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เราอาจจะต้องมานั่งเสียเวลา เสียเงิน เสียใจในภายหลัง เพราะสัญญาที่เซ็นไปไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้ตอนแรก บางคนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลเพราะไปเซ็นสัญญาโดยไม่เข้าใจ “เขาบอกให้เซ็น ก็เซ็นไป” หรือหลายคนมาฟ้องร้องกันทีหลังก็มีให้เห็นบ่อย จะดีกว่าไหม ถ้าเราเรียนรู้ภาษาเยอรมันตั้งแต่แรก ให้พอที่จะดูแลตัวเองได้ จะได้ไม่ต้องมานั่งแก้ปัญหาในภายหลังเพราะความไม่รู้ภาษา

รู้ภาษาเยอรมันแล้วดีกับตนเองอย่างไร?

นอกจากการรู้ภาษาเยอรมันจะช่วยป้องกันปัญหาและช่วยให้เราอยู่เยอรมนีอย่างราบรื่นแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวและสังคม รวมทั้งช่วยเปิดโอกาสดี ๆ ในชีวิตเราได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนต่อ เรื่องงาน และการขอสัญชาติเยอรมัน 

ด้านความสัมพันธ์ในครอบครัวและทางสังคม ภาษาคือเครื่องมือในการสื่อสาร ช่วยให้เราสื่อสารกับคนอื่นได้เข้าใจ ช่วยให้เราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตอนอยู่เมืองไทย เราอยู่อย่างมีความสุขเพราะเราสื่อสารภาษาไทยกับคนอื่นรู้เรื่อง อ่านเขียนอะไรก็รู้เรื่อง แล้วจะดีแค่ไหน ถ้าเราเข้าใจภาษาเยอรมันถึงระดับที่สามารถสื่อสารกับคนรอบข้างได้ รับผิดชอบตนเองในสังคมเยอรมันได้ เราก็จะสามารถออกแบบชีวิตที่มีความสุขและเป็นอิสระในเยอรมนีได้เช่นเดียวกัน

หากใครต้องการเรียนต่อในเยอรมนี ภาษาเยอรมันถือว่าสำคัญมาก จากที่ Mausmoin พบเจอมา หลายวิชาจะสอนเป็นภาษาเยอรมัน รวมไปถึงการสื่อสารในโรงเรียน และทำงานกลุ่มกับเพื่อน ก็ล้วนแต่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นหลัก อย่าลืมว่าในสนามแข่งนี้ เราจะต้องแข่งกับคนเยอรมันด้วย ถ้าเราไม่มีภาษาเยอรมันเป็นอาวุธ เราอาจจะตกรอบตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งเลยก็ได้ ดังนั้นการเรียนภาษาเยอรมันไว้ จะเป็นอีกจุดแข็งสำคัญของเราเมื่อสมัครเข้าเรียนต่อ หรือสมัครเข้าฝึกงาน

การสมัครงานก็เช่นกัน หากเราสื่อสารภาษาเยอรมันได้ดี เราก็จะมีตัวเลือกตำแหน่งงานที่มากขึ้นหลายเท่า แม้เราจะมีทักษะเฉพาะทางที่เด่นกว่าคนอื่น แต่ทักษะการสื่อสารเยอรมันก็เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ผู้ว่าจ้างจะนำมาช่วยพิจารณารับเราเข้าทำงาน Mausmoin สรุปง่าย ๆ ก็คือ เราต้องเจ๋งจริง ทั้งทักษะการทำงานและทักษะการสื่อสารกับลูกค้าและเพื่อนร่วมงานได้ดี แค่นี้ งานที่อยากได้ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

การขอสัญชาติเยอรมันก็เช่นกัน หากใครอยากจะขอหนังสือเดินทางเยอรมัน ก็ต้องสามารถสื่อสารเยอรมันได้ดีพอ อย่างน้อยในระดับ B1 คือสื่อสารเยอรมันเข้าใจได้เพียงพอที่จะใช้ชีวิตในเยอรมนีได้อย่างปกติสุข หากเราอยากจะขอสัญชาติเยอรมัน นั่นหมายถึงเราจะกลายเป็นพลเมืองเยอรมัน ดังนั้น เราก็ต้องสามารถสื่อสารภาษาเยอรมันได้ และต้องเข้าใจบริบทสังคม และวัฒนธรรมเยอรมันด้วย

Mausmoin เอาใจช่วยให้เพื่อน ๆ เริ่มต้นเรียนเยอรมันอย่างมีความสุข และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นในสังคมเยอรมัน ภาษาเยอรมันช่วยเปลี่ยนชีวิตและเพิ่มโอกาสให้หลายคนมาแล้ว แล้วเพื่อน ๆ ล่ะ พร้อมที่จะเรียนภาษาเยอรมันเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นแล้วหรือยัง? 

เริ่มเรียนเยอรมันง่าย ๆ ไปกับเม้าส์มอยน์ที่นี่เลย!

จากบทความของ Mausmoin ในนิตยสาร D-Magazine ฉบับที่ 25 (กันยายน 2561) นิตยสารเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาทักษะคนไทยในต่างแดน

VW จะเลิกผลิตรถเต่า Beetle ปีหน้า

เม้าส์มอยน์เล่าข่าว บริษัท Volkswagen (โฟล์กสวาเกน) ประกาศจะเลิกผลิตรถยนต์รุ่น "Beetle" โดยรุ่นสุดท้ายจะเลิกผลิตในโรงงานที่เม็กซิโก เดือนก.ค. ปีค.ศ. 2019

สาเหตุหลักก็มาจากยอดขายรถ Beetle ที่ตกลง ประกอบกับความนิยมรถครอบครัวแบบ SUV และรถพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้โฟล์กสวาเกนหันไปทุ่มเทกำลังให้กับรถกลุ่มนี้มากกว่า รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากข่าวฉาวของโฟล์กสวาเกนเรื่องการโกงผลตรวจการปล่อยมลพิษของรถยนต์ดีเซลเมื่อปีค.ศ. 2015

ก่อนหน้านี้รถเต่ามีทั้งช่วงรุ่งสุด ๆ โดยเฉพาะช่วงยุค 70 จากฉากขับรถแข่งในหนังเรื่อง “The Love Bug“ (เม้าส์มอยน์เกิดไม่ทัน) และมีช่วงที่เงียบหายไปจากตลาดรถยนต์อยู่หลายช่วง ตามความนิยมที่เปลี่ยนแปลงไป และเคยหยุดขายเป็นพัก ๆ มาแล้ว

ก่อนหน้านี้ โฟล์กสวาเกนได้เคยประกาศว่าจะเลิกผลิตรถยนต์รุ่น "Beetle" แต่หลายคนต่างคาดการณ์กันว่า น่าจะยังผลิตต่อ และล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา (ก.ย. 2018) นาย Hinrich J. Woebcken ผู้บริหารโฟล์กสวาเกน อเมริกา ก็ออกมาประกาศว่าจะเลิกผลิตรถยนต์รุ่น "Beetle" อีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ยืนยันชัดว่า หลังจากที่เลิกผลิตปีหน้าแล้วจะกลับมาผลิตรถเต่าอีกทีเมื่อไร แต่พูดทิ้งท้ายสั้น ๆ ว่า “ไม่ได้บอกว่าจะไม่กลับมาผลิตอีกเลยนะ”

ความเห็นส่วนตัวของเม้าส์มอยน์คิดว่า แม้ว่ารถเต่าจะน่ารักมาก ๆ และเป็นที่รักของสาว ๆ แต่ความนิยมรถเต่ากลับลดลงมากในปัจจุบัน อาจเป็นเพราะราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ที่เก็บของเล็กมาก ไม่สะดวก เมื่อเทียบกับรถยี่ห้ออื่นในขนาดเดียวกัน ทำให้หลายคนหันไปเลือกรถเล็กน่ารักยี่ห้ออื่นมากกว่าก็เป็นได้ เพื่อน ๆ คิดว่ายังไงกันบ้าง?

เม้าส์มอยน์ทิ้งท้ายให้สาวกรถเต่า Beetle ที่ยังคิดถึงความน่ารักของรถเต่าอยู่ เรายังสามารถครอบครองรถรุ่นลิมิเต็ด Final Edition SE และ SEL รุ่นสุดท้ายที่จะออกปีหน้าได้อยู่ มีให้เลือก 2 สี สีฟ้าและสีเบจนะจ๊ะ

Quelle: tagesspiegel.de, spiegel.de, reuters.com, bbc.com, Foto: pixabay.com

สัมภาษณ์แชมป์โลกนักนวดบำบัด นารี ซอยเมอ | Interview mit Frau Naree Seume

คลิปสัมภาษณ์แชมป์โลกนักนวดบำบัด พี่ปุ๊ นารี ซอยเมอ เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับทุกคนที่กำลังเรียนภาษาเยอรมัน และจะมาหรือกำลังใช้ชีวิตในเยอรมนี

พี่ปุ๊เริ่มต้นจากศูนย์ แต่สามารถเปลี่ยนชีวิต พัฒนาตนเองจนกลายมาเป็นแชมป์โลกได้ พี่ปุ๊ทำได้อย่างไร มาฟังและรับแรงบันดาลใจไปพร้อมกันค่ะ

หัวข้อการสัมภาษณ์: การพัฒนาตนเองทั้งภาษาเยอรมันและด้านอาชีพ ความสำคัญของภาษาเยอรมัน การแข่งขันนักนวดบำบัด

ขอขอบคุณพี่ปุ๊ นารี ซอยเมอ ที่สละเวลามาแบ่งปันเรื่องราวและรูปประกอบทุกรูปค่ะ 🙂

*** ใครสนใจเรียนภาษาเยอรมัน ฟังทางนี้ mausmoin เปิดคอร์สเรียนเยอรมัน A1, A2 รอบใหม่แล้ว! สมัครได้เลย รับจำนวนจำกัดนะจ๊ะ

สมัครได้เลยวันนี้ ทาง Line, Facebook: mausmoin, E-mail: info@mausmoin.com

สื่อเยอรมันพาดหัวข่าวเป็นภาษาไทย | Thai auf der Bild Zeitung

คนไทยสนใจภาษาเยอรมัน คนเยอรมันก็สนใจภาษาไทยเหมือนกันนะ
แฟนเพจ mausmoin ส่งรูปหนังสือพิมพ์เยอรมัน "Bild" ของวันนี้ (5 กค.) มาแชร์ให้เพื่อนดูกัน 🙂
โดยขึ้นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง เลยว่า "น้องๆ สู้ๆ Seid tapfer, Jungs!"

เรื่องแผนการช่วยเหลือน้อง ๆ 13 คนในถ้ำ ยังคงเป็นที่สนใจทั้งในไทย ต่างประเทศ และ ในเยอรมนีเองก็ออกข่าวความคืบหน้าทั้งทางวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์อยู่ทุกชั่วโมง

โดยล่าสุดเม้าส์มอยน์ก็ได้ยินจากทางวิทยุเยอรมันว่า "Die Jungen müssen erst tauchen lernen." เด็กๆ คงต้องเรียนดำน้ำก่อน หากจะต้องดำน้ำออกมาจากถ้ำ เนื่องจากระดับน้ำยังสูง จากที่เม้าส์มอยน์เคยเรียนดำน้ำลึกแบบ Open Water มา ก็รู้เลยว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะดำน้ำ ที่มืดๆ แคบๆ ออกมาจากถ้ำยาวหลายกิโลเมตร

ณ ตอนนี้ คงต้องเอาใจช่วยเช่นกัน ว่า "Seid tapfer, Jungs!" อึดกันหน่อยนะ น้องๆ!

ขอขอบคุณรูปจากแฟนเพจผู้น่ารัก Kanchalika EVe 🙂
#ถ้ำหลวง #ทีมหมูป่า #ภาษาไทย #Bild #deutsch

ซุปเปอร์มาร์เก็ตเยอรมันเตรียมถอด “หลอดพลาสติก” ออกจากชั้นสินค้าแล้ว | Plastik-Strohhalme verbannen

หลอดพลาสติกไม่ดียังไง ทำไมต้องเลิกขาย เม้าส์มอยน์จะเล่าให้ฟัง

เครือบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของเยอรมันอย่าง Rewe และ Lidl เตรียมที่จะหยุดจำหน่ายหลอดพลาสติกแล้ว

โดย Rewe วางแผนจะถอดหลอดพลาสติกออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตกว่า 6000 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ โดยในเครือ Rewe ประกอบไปด้วยบริษัทลูก อย่างซุปเปอร์มาร์เก็ต Penny และร้านขายวัสดุก่อสร้าง Toom

ในส่วนของเครือบริษัท Lidl ที่รวมไปถึงบริษัทลูกอย่างซุปเปอร์มาร์เก็ต Kaufland ก็ตั้งใจว่าจะเลิกขายหลอดและสินค้าพลาสติกใช้แล้วทิ้งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ถ้วย จาน ช้อน ส้อม รวมไปถึงที่ปั่นหู ภายในสิ้นปีหน้า (ค.ศ. 2019)

ทั้งนี้ หลอดเป็นหนึ่งในสินค้าใช้แล้วทิ้ง เป็นขยะที่ลอยอยู่ในทะเลและตามชายหาดจำนวนมาก โดยเฉลี่ยแล้วมีการใช้งานอยู่เพียง 20 นาที ก่อนที่เราจะโยนหลอดทิ้งกลายเป็นขยะ เชื่อไหมว่า แค่ในยุโรปเองก็มีพลาสติกกว่าแสนตันในทะเลแล้ว ต่อปีมีการใช้หลอดกว่า 36.4 พันล้านชิ้น แก้วกาแฟใช้แล้วทิ้ง 16 พันล้านแก้ว ขวดใช้แล้วทิ้ง 46 พันล้านขวด และรวมไปถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่น ๆ อีก

ซึ่งหากทางเครือ Rewe เลิกขายแล้ว จะสามารถลดปริมาณหลอดพลาสติกลงได้มากกว่า 42 ล้านชิ้นเลย (จากคำแถลงของทาง Rewe) และในปีหน้า เราจะเริ่มเห็นสินค้าทดแทนพลาสติก ที่ทำจากกระดาษ ต้นอ่อนข้าวสาลี หรือสแตนเลส ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเครือ Rewe แทน

ทางเครือ Lidl ก็ต้องการจะนำสินค้าทดแทนพลาสติกที่นำมาใช้ใหม่ได้ มาขายแทนในซุปเปอร์มาร์เก็ต กว่า 3200 สาขาเช่นกัน แต่จะเริ่มหลังจากที่ขายของเก่าในชั้นให้หมดก่อน

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการยุโรปได้นำเสนอมาตรการลดขยะพลาสติกช่วงปลายเดือนพค. ที่ผ่านมา และต้องการที่จะลดปริมาณขยะใช้แล้วทิ้งในทะเลลงร้อยละ 30 ภายในปีค.ศ. 2020 และลดให้ได้ร้อยละ 50 ภายในปีค.ศ. 2030

ที่ประเทศไทย เม้าส์มอยน์ก็เห็นบางโรงแรมเริ่มนำหลอดที่ทำจากกระดาษมาใช้แทนหลอดพลาสติกบ้างแล้ว แต่พอดูดไปซักพัก ก็จะเริ่มเปื่อย ขาด งอ หวังว่าจะมีนวัตกรรมที่ดีกว่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาทดแทนพลาสติกได้เร็ว ๆ 

ศัพท์วัยรุ่นเยอรมันประจำปี 2017 | Jugendwort des Jahres

สำนักพิมพ์ลางเง็นไชดท์ (Langenscheidt) จัดอันดับศัพท์วัยรุ่นเยอรมันเป็นปีที่ 10 แล้ว สำหรับปี 2017 นี้ ผู้ชนะได้แก่วลี “I bims” ก็คือ Ich bin (ฉันคือ) นั่นเอง โดยการให้คะแนนจากผู้ตัดสิน 20 คน แต่ผลโหวตออนไลน์กลับให้คะแนนเอนเอียงไปอีกคำมากกว่า

ผู้ชนะ “I bims” (Ich bin) ได้รับการคัดเลือกจากศัพท์ 30 คำที่คาดว่าวัยรุ่นเยอรมันยุคนี้พูดกัน โดยทางสำนักพิมพ์ให้เหตุผลว่า “I bims” เป็นวลีที่วัยรุ่นใช้กันบ่อยและจึงเป็นตัวแทนของภาษาวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี

ในขณะที่ชาวเน็ตที่ให้คะแนนโหวตทางออนไลน์กลับให้คะแนนวลี "Geht fit" (โอเค) มาเป็นอันดับหนึ่ง และ “I bims” ได้อันดับ 10 โดยมีคนเข้ามาโหวตกว่าล้านคะแนนเสียง ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์จากคำกล่าวอ้างของทางสำนักพิมพ์ แต่หนึ่งในผู้ตัดสิน นาย คุนซ์มันน์ นักศึกษาปริญญาเอกด้านภาษาศาสตร์เยอรมัน จากมหาวิทยาลัย Ludwig-Maximilians เป็นอีกเสียงที่ยืนยันว่า “I bims” เป็นผู้ชนะสำหรับศัพท์วัยรุ่นเยอรมันประจำปีนี้อย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นคำพูดที่ใช้บ่อยมากทั้งในภาษาพูดและเห็นมากขึ้นในภาษาเขียน ณ ปัจจุบัน (เม้าส์มอยน์เสริมหน่อยว่า เขาน่าจะหมายถึงการแชทหรือโพสต์เฟสบุค ไม่ใช่ในงานเขียนทางการ)

คำวัยรุ่นอีก 4 คำที่เข้ารอบสุดท้ายก่อนถูก “I bims” เฉือนเอาชนะไปได้แก่
- "napflixen" งีบหลับตอนหนังฉาย
- "Noicemail" ข้อความเสียงที่น่ารำคาญ
- "schatzlos" ไร้คู่ครอง โสด
- "Unlügbar" แน่นอน อย่างไม่มีข้อสงสัย

เม้าส์มอยน์แถมให้อีก 5 คำ
- “sozialtot” ไม่เล่นโซเชียลมีเดีย
- “vong” เพี้ยนมาจากคำว่า von (จาก)
- “emojionslos” ไม่ใช้อิโมจิ (พวกสัญลักษณ์หน้ายิ้ม) ตอนพิมพ์แชท
- “unfly” ไม่เจ๋ง
- “lit” เยี่ยม ดีงาม

การคัดเลือกศัพท์วัยรุ่นเยอรมันของสำนักพิมพ์ลางเง็นไชดท์ที่จัดขึ้นทุกปี อันที่จริงก็เป็นหนึ่งในวิธีการโฆษณาของทางสำนักพิมพ์ โดยเลือกผู้ตัดสินมาทั้งหมด 20 คนจากหลากหลายพื้นเพ เช่น วัยรุ่น นักวิชาการด้านภาษาศาสตร์ และตัวแทนสื่อมวลชน

จากที่เม้าส์มอยน์อ่านความเห็นชาวเยอรมัน ก็พบมุมมองความเห็นที่ต่างกัน บ้างก็ไม่เคยได้ยินคำพวกนี้ ไม่รู้ความหมายศัพท์ข้างต้น บ้างก็ไม่เคยใช้ บ้างก็ไม่เห็นด้วยกับคำที่ชนะ

ถ้าเทียบกับศัพท์วัยรุ่นในไทย เม้าส์มอยน์ก็นึกถึงพวกคำว่า “กดสับตะไคร้” (subscribe), “นาจา” (นะจ๊ะ), “จุงเบย” (จังเลย) เก่าไปรึเปล่า!? ใครนึกคำไหนที่วัยรุ่นยุคนี้พูดกันได้อีก ก็เขียน ”เม้น” ใน Facebook mausmoin ได้เลยนะ จุ๊บ ๆ
Quelle: tagesschau.de