สารบัญ
ทำไมเยอรมนีจึงน่ามาเรียน
วิธีการหาที่เรียน สมัครเรียนต่อในเยอรมนี
ติดต่อแปลเอกสาร
ทำไมเยอรมนีจึงน่ามาเรียน
หากใครกำลังคิดที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศ และชอบที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ประเทศเยอรมนีน่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าเป็นอันดับต้นๆ สำหรับพิจารณา หลายคนมักจะถามคำถาม 6 ข้อด้านล่างกับเม้าส์มอยน์เม้าส์มอยน์จึงขอรวบรวมคำตอบ และเหตุผลด้านต่างๆ ที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ คนที่กำลังพิจารณาหาที่เรียนต่อต่างประทศ มาดูกันว่า "ทำไมเยอรมนีถึงน่ามาเรียน"
1. ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่าย
"ค่าเรียนแพงไหมนะ?"
ยังคงเป็นข่าวดีสำหรับนักศึกษาในหลายๆ รัฐ ที่มหาวิทยาลัยของรัฐหลายแห่งยังคงไม่เก็บค่าเทอม (500 ยูโรต่อเทอม) แม้จะเรียนปริญญาโทก็ตาม ซึ่งช่วยลดภาระทางการเงินของนักศึกษาได้มาก เมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศอื่นๆ ที่เก็บค่าเทอมค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ แม้เราจะเป็นนักเรียนต่างชาติ ที่มาเรียนในเยอรมนีช่วงสั้นๆ แต่เราจะได้รับสวัสดิการนักเรียน และเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ เหมือนกับนักเรียนที่เป็นคนเยอรมนีเลย
โดยแต่ละภาคการศึกษา นักศึกษาจะจ่ายค่าบริการนักศึกษา และตั๋วเดินทางเพิ่มประมาณ 100-250 ยูโร โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายต่างๆ ของนักศึกษามักจะถูกกว่าบุคคลทั่วไป เช่น ค่าประกันสุขภาพ ค่าเดินทาง ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ รวมทั้งภาษีจากการทำงานมีรายได้ และค่าใช้จ่ายต่างๆ นับว่าคุ้มค่ากับช่วงเวลาการเป็นนักศึกษาในเยอรมนี
ส่วนค่าที่อยู่อาศัย ก็ราคาต่างกันไปขึ้นอยู่กับเมือง ทำเล และขนาดด้วย แต่โดยปกติ หอนักเรียนจะมีราคาถูกกว่าห้องเช่าอื่น ๆ แต่มักมีจำนวนจำกัด ต้องเข้าคิวนานกว่าจะได้ห้อง
2. ภาษาที่สาม
"ต้องเรียนเป็นภาษาเยอรมนีรึเปล่านะ?"
คงเป็นคำถามที่ดึงรั้งหลายๆ คนไว้ไม่กล้าหาที่เรียน ที่ต้องใช้ภาษาที่สามอย่างภาษาเยอรมนี อาจรู้สึกไม่มั่นใจ กลัวเรียนไม่รู้เรื่อง หากใครยังไม่พร้อมจะเรียนเป็นภาษาเยอรมนี ก็สามารถเลือกเรียนโปรแกรมที่ใช้ภาษาอังกฤษเรียนได้
อันที่จริง หากมองอีกด้านหนึ่ง การรู้ภาษาเยอรมันจะสามารถใช้ประโยชน์ได้ในหลายประเทศในยุโรปเลย เช่น ในออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม นอกจากนี้ การรู้ภาษาที่สามและมีโอกาสได้ฝึกฝนในประเทศนั้นๆ จะเป็นการเปิดโอกาสทองในอนาคตของเราได้กว้างขึ้นด้วย และเวลาที่เราใช้ภาษาเยอรมันสื่อสารกับคนเยอรมัน หลายคนจะแอบดีใจและอยากคุยกับเรามากขึ้นกว่าเดิม
หากต้องมาเรียนภาษาเยอรมันเพิ่ม ช่วงเวลาที่เราใช้ในการเรียนภาษาเยอรมนี นอกจากจะได้ทักษะภาษาแล้ว ยังได้รู้จักเพื่อนต่างชาติ ได้เปิดมุมมองต่อวัฒนธรรม ที่แตกต่างกันของเพื่อนในห้อง รวมถึงอิทธิพลของภาษานั้นๆ ที่มีผลต่อทัศนคติ และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาอีกด้วย เรียกได้ว่า ได้ทั้งปริญญาจากมหาวิทยาลัย และปริญญาทางการเรียนรู้โลกใหม่ ทั้งภาษา วัฒนธรรม เพื่อนใหม่ และการใช้ชีวิตเลย
ใครอยากเริ่มเรียนเยอรมันด้วยตนเอง สามารถเรียนจาก บทเรียนเยอรมันออนไลน์ ฟรี! ของ Mausmoin.com หรือ หนังสือเรียนเยอรมันกับเม้าส์มอยน์ และคอร์สเรียนเยอรมันของเม้าส์มอยน์ได้เลย
3. คุณภาพชีวิต
"เมืองจะน่าเบื่อไหมนะ มาอยู่คนเดียวอันตรายไหม?"
เมืองที่มีมหาวิทยาลัย มักมีสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับนักเรียนเยอรมัน และนักเรียนต่างชาติ มีร้านค้า ร้านอาหาร ถนนคนเดิน ที่พักผ่อนหย่อนใจ ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กหรือใหญ่ นักศึกษาจะมีพื้นที่นั่งอ่านหนังสือ ทำงานกลุ่มกับเพื่อน มีห้องสมุดไว้บริการ มีสภาพชีวิตที่ดี
วันธรรมดาไปเข้าเรียน ตั้งใจศึกษาหาความรู้ ในวันหยุดสุดสัปดาห์สามารถใช้เวลาพักผ่อนได้หลากหลาย ตามความชอบของแต่ละคน เช่น นัดเพื่อนนานาชาติทำอาหารร่วมกัน นั่งรถไฟ หรือเช่ารถขับเที่ยวต่างเมือง ไปปิคนิค เล่นกีฬา เยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ เป็นต้น ได้ทั้งความรู้เข้มข้น และความสุขในการใช้ชีวิตการเรียนต่างแดน
ร้านค้า ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์หลายที่ มักมีส่วนลดพิเศษสำหรับนักเรียน นักศึกษาด้วย
โดยรวมมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสูง แต่ตัวเราเองก็ต้องไม่ประมาทด้วยเช่นกัน
4. คุณภาพการศึกษา
"เรียนฟรี แล้วคุณภาพจะดีไหมนะ แต่ละที่ดีพอกันไหม?"
มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในเยอรมนี มักมีมาตราฐานการศึกษาที่ดี ไม่ได้หนีห่างกันมากนัก การจัดอันดับมหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นปัจจัยในการเลือกคณะเรียน แต่เราสามารถใช้ข้อมูลของคณะ วิชาที่ต้องเรียน ข้อกำหนดต่างๆ ที่มีในเว็บไซต์ มาเป็นตัวพิจารณาในการเลือกที่เรียนที่เราสนใจแทน
ลักษณะการเรียนจะค่อนข้างเน้นไปที่ การให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง เปิดโอกาสให้นักเรียนยกมือถาม หรือแสดงความคิดเห็น เน้นการเรียนรู้ที่มาจากการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองของนักเรียน การทำงานกลุ่ม การทำรายงานเพื่อเพิ่มความชำนาญในเรื่องนั้นๆ และเข้มงวดกับการลงโทษ เมื่อมีการลอกงานของผู้อื่นมา และไม่มีแหล่งอ้างอิง ทำให้เราได้ฝึกฝน เรียนรู้ ค้นคว้า อย่างถูกต้องและเต็มที่
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียน ไม่จำกัดอายุ (แต่ถ้าจะสมัครทุน DAAD บางทุน จะมีจำกัดอายุ)
5. ความสะดวกและความปลอดภัย
"ค่าเดินทางแพงไหม จะเดินทางไปเรียนลำบากรึเปล่านะ?"
การเดินทางไปเรียนโดยระบบขนส่งมวลชน สามารถทำได้โดยง่ายและปลอดภัย รถเมล์ รถราง รถใต้ดินและรถไฟโดยส่วนใหญ่ มาตรงเวลา (นอกจากจะมีเหตุสุดวิสัย หรือประท้วง) และยังเข้าถึงพื้นที่อยู่อาศัย และมหาวิทยาลัยค่อนข้างครอบคลุม นักศึกษาสามารถใช้สิทธิ์ซื้อบัตรเดินทางรายภาคการศึกษา เดินทางสะดวก รวดเร็ว รถไม่ค่อยติด (เมื่อเทียบกับกรุงเทพ)
เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ถือได้ว่าค่อนข้างปลอดภัย คนขับรถส่วนใหญ่เคารพกฏจราจร มีทางเดินเท้า ทางจักรยานชัดเจน แต่ก็ขึ้นอยู่กับเมืองที่อยู่ และการมีสติระมัดระวังของเรา ไม่เดินที่เปลี่ยวกลางดึก หรือเผลอลืมของไว้บนรถไฟ เม้าส์มอยน์ฝากให้ทุกคนป้องกันไว้ก่อนดีกว่า
6. การท่องเที่ยวเปิดมุมมองใหม่ๆ
"มาเรียนเมืองนอกทั้งที อยากเดินทางไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ด้วย ยากไหมนะ?"
หนึ่งในปัจจัย (ทางอ้อม) ที่หลายๆคน ต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศก็คือ การได้เปิดโลกทัศน์ ท่องเที่ยวต่างแดน การท่องเที่ยวเมืองต่างๆในเยอรมนีทำได้สะดวก ทั้งทางรถยนต์ รถเมล์ รถบัสทางไกล รถไฟ เครื่องบิน สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ก็สามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
นอกจากนี้ ด้วยทำเลของประเทศเยอรมนีที่ตั้งอยู่กลางยุโรป ทำให้การจัดทริปเยี่ยมเยือนประเทศเพื่อนบ้าน อย่างฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย โปแลนด์ หรือสาธารณรัฐเช็ก ก็ทำได้สะดวกและไม่ต้องใช้เวลาเดินทางนาน รวมทั้งค่าเดินทาง และค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มักมีส่วนลดพิเศษสำหรับนักเรียนนักศึกษาอีกด้วย
วิธีการหาที่เรียน สมัครเรียนต่อในเยอรมนี
ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่า "ใช่" อยากจะมาเรียนเยอรมนี ก็เริ่มหาโปรแกรมที่อยากเรียนและวางแผนเตรียมตัวสมัครกันได้เลย ดังนี้
1. ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการมาเรียนต่อเยอรมนี
รวบรวมโปรแกรมเรียน การเตรียมตัว รายละเอียดต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์หลักของ DAAD: https://www.daad.de/en/
คู่มือศึกษาต่อในเยอรมนีภาษาไทย จัดทำโดย DAAD (PDF)
2. หาสาขาและโปรแกรมเรียน
ง่ายๆ โดยอาจเริ่มสกรีนเลือกจากสาขาที่สนใจ ระยะเวลาการเรียน หรือภาษาที่ใช้เรียนที่: https://www.daad.de/deutschland/studienangebote/studiengang/en/
หรือจะเจาะจงหาแต่ International Program ก็คลิกได้ที่นี่: https://www.daad.de/deutschland/studienangebote/international-programs/en/
3. ทุนการศึกษาก็มี
อันที่จริง มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในเยอรมนีมักจะไม่คิดค่าเทอม แต่หากเรายังต้องการหาทุนการศึกษาเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็สามารถดูได้ที่นี่: https://www.daad.de/deutschland/stipendium/en/
4. สมัครเรียน
เมื่อเราได้โปรแกรมที่อยากเรียนแล้ว ลองเลือกมา 3-5 ที่ (โปรแกรมที่อยากเรียนที่สุด และที่สำรองเผื่อไว้) เพื่อเตรียมเอกสารส่งไปสมัครเข้าเรียน สิ่งที่ต้องระวังคือ
- ควรวางแผนการสมัครเข้าเรียนให้ทันกำหนดปิดรับสมัคร แต่ละมหาวิทยาลัยอาจมีกำหนดปิดรับสมัครไม่พร้อมกัน จดไว้ดีๆ
- ควรเผื่อเวลาจัดเตรียมเอกสารการสมัครล่วงหน้า 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อยก่อน deadline เพราะเอกสารที่ต้องส่งไปสมัครค่อนข้างเยอะ เราอาจจะต้องเตรียมสอบวัดผลภาษาเยอรมัน หรือภาษาอังกฤษ หรือให้หัวหน้างาน หรืออาจารย์เขียนจดหมายแนะนำให้เรา ถ้าเราส่งเอกสารประกอบการสมัครไม่ครบ โอกาสที่มหาวิทยาลัยจะพิจารณารับเราก็อาจจะลดลงได้
- อ่านเงื่อนไข คุณสมบัติ ผู้สมัครเข้าเรียนให้ละเอียด และพิจารณาว่า ประวัติการศึกษา หรืออายุการทำงานในสายงานของเรา เพียงพอตามที่มหาวิทยาลัยต้องการหรือไม่ และทำอย่างไรจึงจะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่มหาวิทยาลัยต้องการ หรือควรจะเลือกสมัครโปรแกรมที่เราสนใจ และคุณสมบัติเราตรงกับที่มหาวิทยาลัยต้องการจริงๆ เราก็จะมีสิทธิได้รับคัดเลือกเข้าเรียนได้มากขึ้น
- การสมัครเรียนต่อปริญญาโทที่เยอรมนี มหาวิทยาลัยมักจะยอมให้เราเรียนต่อโท ถ้าเราจบมาตรงสาย หรือมีประสบการณ์ทำงานเพียงพอ โดยยื่นเอกสาร Transcript และใบจบเป็นหลักฐานให้เค้าดู (ถ้าเป็นภาษาไทย ก็สามารถติดต่อ mausmoin.com แปลเป็นเยอรมันได้)
- บางมหาลัยก็เปิดโอกาสให้คนจบไม่ตรงสายสมัครเรียน เช่น MBA บางมหาลัยก็เปิดโอกาสให้คนจบไม่ตรงสายสมัครเรียน เช่น ปริญญาโทหลักสูตรบริหารธุรกิจ MBA (โปรแกรมที่ครูศิรินเคยเรียน ตอนปริญญาตรีครูจบอักษรศาสตร์ เอกภาษาเยอรมัน) โดยมหาวิทยาลัยจะเขียนแจ้งไว้ชัดเจน แต่จะขอประสบการณ์ทำงานกี่ปีขึ้นไปประกอบด้วย ถ้ามีคุณสมบัติครบตามที่โปรแกรมระบุ ก็ยื่นเรื่องสมัครได้
แต่เขาจะรับหรือไม่ ก็จะพิจารณาจากเอกสาร ผลการเรียน และจดหมายแสดงความตั้งใจว่าอยากเรียนจริงๆ ด้วย ตอนสมัครเรียนพยายามเตรียมเอกสารให้ครบ และสอบวัดระดับภาษาต่างๆ ตามที่ระบุขอไว้ให้ผ่าน
- ควรใส่ใจและให้น้ำหนักกับการเขียนจดหมายแนะนำตัว หรือจดหมายแสดงความอยากไปเรียน ว่าทำไมมหาวิทยาลัยควรจะเลือกเราเข้าศึกษา เรามีคุณสมบัติครบตามที่เขาต้องการมากเพียงใด มีประสบการณ์ หรือเรียนมาด้านไหน ตรงสายกับโปรแกรมที่เราสมัครจริงๆ มากแค่ไหน ทำไมเราจึงอยากเรียนที่นี่ และจบมาแล้ว เราจะทำประโยชน์ให้มหาวิทยาลัยหรือประเทศเยอรมนีและไทยได้อย่างไร เป็นต้น
- เตรียมเรียนภาษาเยอรมันตั้งแต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่เริ่มตั้งเป้าหมายและเตรียมเอกสาร เพราะการเรียนภาษาต้องใช้เวลาฝึกฝน และสะสมความรู้ จะกระชั้นชิดเกินไป ถ้าจะมาเริ่มเรียนเยอรมันหลังได้คำตอบจากมหาวิทยาลัย ใครอยากเริ่มเรียนเยอรมันด้วยตนเอง สามารถเรียนจาก บทเรียนเยอรมันออนไลน์ ฟรี! ของ Mausmoin.com หรือ หนังสือเรียนเยอรมันกับเม้าส์มอยน์ และคอร์สเรียนเยอรมันของเม้าส์มอยน์ได้เลย
การตั้งเป้าหมาย ค้นคว้าหาข้อมูล และตั้งใจไปให้ถึงเป้าที่ตั้งไว้ เป็นคุณสมบัติสำคัญ ที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ เม้าส์มอยน์และครูศิรินขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ!